เลาะรั้วปีศาจแดง: ‘เจ็ด’ นี้อีกนาน ‘เจ็ด’ นี้ไม่ลืม
ใครจะไปเชื่อว่าเกม ‘แดงเดือด’ ที่เพิ่งจบไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ จะจบลงด้วยการพ่ายแพ้อย่างเละเทะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ที่ห่างกันถึง 7 ประตู
สัมผัสได้เลยว่า เช้าวันจันทร์ที่ผ่านมาของแฟนๆ ‘ปีศาจแดง’ มันหม่นหมองมากกว่าปกติ มันไม่สดใสเหมือนในสัปดาห์ที่แล้ว ที่พวกเราเพิ่งคว้าแชมป์แรกในยุคของ เอริก เทน ฮาก มาได้
ก่อนที่เกมใน แอนฟิลด์ จะเริ่มขึ้น หลายต่อหลายคนก็มองว่าสกอร์ในเกมนี้ น่าจะออกมาสูสีคู่คี่กัน ด้วยฟอร์มการเล่นของ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ ที่ต่างจากในปีก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงผลงานของ ‘หงส์แดง’ ในระยะหลังๆที่เริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอย จากการที่ได้นักเตะตัวหลักๆกลับเข้ามาสู่ทีม
แต่ไม่มีใครคิดหรอกครับ ว่ามันผลการแข่งขันมันจะออกมา ‘ห่างชั้น’ กันได้ถึงขนาดนี้
ช่วงครึ่งเวลาแรกที่เมอร์ซี่ไซด์ แม้ว่าผู้มาเยือนอย่างเราจะถูกนำไปก่อน จากประตูของ โคดี้ กัคโป ก่อนหมดเวลาเพียงแค่ 2 นาที แต่ในตอนนั้น ผมยังมองว่าเราน่าจะกลับมาได้ ถ้าหากดูจากผลงานของทีมจากในนัดที่ผ่านๆมา
แต่ในความเป็นจริง มันไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้เลย เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ถึง 5 นาที โดนเพิ่มไปอีก 2 ลูก แล้วหลังจากนั้นก็ตามที่เห็นกันบนหน้าสื่อเลยครับ สกอร์ไหลเป็นสายน้ำเลย ฝั่งของกุนซือเฮฟวี่เมทัล อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะลดความดุดันลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว
ผิดกับฝั่งของ ‘ผีแดง’ ที่ดูป้อแป้, ฝ่อ, ห่อเหี่ยว, ท้อแท้ แล้วยิ่งมาเจอกัปตันทีมในเกมนี้อย่าง บรูโน่ แฟร์นันเดส ที่ชูมือขอเปลี่ยนตัวออกจากสนามอีก ยิ่งดูยิ่งหดหู่ ภาวนาให้ผู้ตัดสินเป่าจบเกมเร็วๆหน่อย ทนดูไม่ไหวจริงๆ
ผมเห็นด้วยกับคำพูดของ เทน ฮาก ที่บอกไว้ว่า “เราแพ้ได้ แต่ไม่ใช่การแพ้แบบนี้” ใช่ครับ เกมกีฬา มันมีแพ้ มีชนะ แต่สิ่งที่เราเห็นบนสนามในวันนั้น ภาษากายของนักเตะ ‘ผีแดง’ มันไม่ใช่นักเตะกลุ่มเดิมที่เราได้ดูในเกมก่อนๆที่มีความฮึดสู้ ที่แม้จะโดนนำไปก่อน แต่ก็ยังรวมพลังใจกัน พลิกกลับมาชนะได้
สิ่งที่ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ ต้องจัดการเป็นอันดับแรกคือดึงโมเมนตั้มของทีมให้กลับมาโดยเร็วที่สุด เพราะในช่วงกลางสัปดาห์ พวกเขาต้องเปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือกับ เรอัล เบติส ในศึก ยูโรป้าลีก ซึ่งเป็นอีก 1 รายการที่ยังมีลุ้นอยู่
ถ้าหากในเกมนี้ หรือในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะเจอทีมหนีตายอย่าง เซาแธมป์ตัน พลพรรค ‘ผีแดง’ ยังดึงสติกลับมากันไม่ได้ บอกได้เลยว่าการยึดอันดับ 3 เอาไว้ให้ได้ใน พรีเมียร์ลีก มีสั่นคลอนแน่นอนครับ